จากรายงานเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งสำรวจศูนย์ข้อมูลทั่วโลกพบว่า “ในขณะที่สมรรถนะในการคำนวณก้าวกระโดดขึ้นถึง 6 เท่าจากปี 2010 ถึง 2018 การใช้ไฟกลับเพิ่มขึ้นเพียง 6%” สิ่งที่ช่วยให้ความสำเร็จนี้เป็นไปได้ ได้แก่ ระบบ ควบคุมของ ABB ซึ่งจัดเป็นระดับแนวหน้าของ อุตสาหกรรม และความชาญฉลาดซึ่งฝังตัว อยู่ในระบบไฟฟ้าเหล่านั้น เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์ และแหล่งจ่ายไฟสำรอง ในอนาคตอันใกล้นี้คาดเดาได้ว่าประสิทธิภาพในการใช้ไฟที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้ กำลังรออยู่ในขณะที่ ABB มุ่งไปสู่แหล่งเก็บพลังงานขนาดใหญ่และมีส่วนในการทดลองใหม่ๆในการเข้าร่วมโครงข่ายพลังงาน ในการสัมภาษณ์ ครั้งนี้ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และบริการด้าน ศูนย์ข้อมูลระดับสากล ของ ABB บรรยายให้ฟัง ถึงผลงานของบริษัทในด้านนี้รวมทั้งแวดวงอื่น ๆ
AR : ขออนุญาตเริ่มจากคำถามพื้นฐานก่อนนะครับ: ทำไมเราถึงต้องการศูนย์ข้อมูลครับ
SK : การเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตและการเติบโตทาง เศรษฐกิจนั้นเกี่ยวเนื่องกันอย่างแยกไม่ออก โดยที่ประเทศ ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีก็คือประเทศที่มีเทคโนโลยี สารสนเทศที่ก้าวหน้า ตัวอย่างเช่น ประเทศมหาอำนาจ ทางเศรษฐกิจอย่างเยอรมนี เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอเมริกา ล้วนแล้วแต่มีเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งศูนย์ข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเรื่องนี้ โดยหลักแล้ว มันคือโรงงานดิจิทัลที่คอยแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นบริการ และคุณค่าต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น โรงงานดิจิทัลนี้ยังนับเป็น มูลค่าเพิ่มในแง่ของการลดการใช้พลังงาน เช่น การแทนที่การเดินทางด้วยการสื่อสารเมื่อเราก้าวเข้าไปสู่ทศวรรษใหม่เราจะยิ่งเห็นความพยายามในการทำให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในอัตราที่เร็วกว่านี้ขึ้นไปอีก
ซึ่งธุรกิจจัดการทรัพยากรต่าง ๆอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยเสริมสมรรถนะสังคมดิจิทัลของพวกเราในทางด้านดิจิทัล อย่างเช่น การโทรผ่านอินเทอร์เน็ตของเรา ณ ปัจจุบันนี้ก็ถูกดำเนินการผ่านทางศูนย์ข้อมูลที่เศรษฐกิจของพวกเรามีความเข้มแข็งขึ้นมาจากความจริงที่ว่าเราสามารถเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกเก็บข้อมูลไว้และแปลงสารนั้นเพื่อส่งต่อเป็นบริการหรือการอำนวยความสะดวกรูปแบบอื่น เช่น การจับคู่จีโนมของมนุษย์และการวางแผนสำรวจอวกาศ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นได้ด้วยการใช้ศูนย์ข้อมูลดิจิทัล
AR : อะไรคือปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนทิศทางของตลาดศูนย์ข้อมูลดิจิทัลและปัจจัยเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างครับ นับจากนี้ไป
SK : หากดูในช่วงข้ามปี 2000 การแพร่หลายของบริการดิจิทัล และปริมาณเนื้อหาด้านดิจิทัลได้เป็นกำลังสำคัญในการ เปลี่ยนผ่านไปสู่การเก็บข้อมูลบนคลาวด์สาธารณะและการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริการศูนย์ข้อมูลดิจิทัล โดยในช่วงแรกจะเน้นไปที่การให้บริการแก่สาธารณชนและบริษัทต่าง ๆ เพื่อช่วยให้กิจกรรมเดิมที่มีอยู่แล้วของพวกเขา มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนไปสู่การสื่อสารระหว่างเครื่อง (machine-to-machine, M2M) ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามองไปที่ 5G หลักๆ แล้วมันน่าจะ เกี่ยวข้องกับ M2M เสียเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งแน่นอนว่า ABB ก็จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทิศทางนี้เช่นกันเห็นได้จาก ผลงานที่ผ่านมาของเราในอุตสาหกรรม 4.0 และบริการ ทางไกลอย่างการวิเคราะห์ระบบและการซ่อมบำรุงเชิงรุก ความต้องการเชื่อมต่อของข้อมูลและทั้งการเชื่อมต่อของเราเองก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน นอกจากนั้น เราคาดหวังว่าจะเห็นความต้องการคล้ายกันนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เมื่อปัญญาประดิษฐ์มีความก้าวหน้ามากขึ้นและเช่นเดียวกันกับความต้องการในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไอทีของบริษัท รวมถึงวาระที่จะต้องเปลี่ยนตามธรรมชาติเมื่ออุปกรณ์ เครื่องใช้ที่สร้างในช่วงปี 1990 กำลังจะหมดอายุการใช้งานและเมื่อแนวโน้มเหล่านี้กำลังก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ศูนย์ข้อมูลก็มีขนาดใหญ่ขึ้นมีระบบอัตโนมัติมากขึ้นและใช้พลังงาน มากขึ้นโดยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วทุกคนสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใช้ไฟขนาดประมาณแค่ครึ่งเมกะวัตต์ แต่ในปัจจุบันไม่ว่าคุณจะสร้างศูนย์ขนาดใหญ่มากประมาณ 50 เมกะวัตต์หรือมากกว่านั้นหรือสร้างศูนย์ขนาดเล็กมากประมาณ 2 เมกะวัตต์หรือน้อยกว่านั้น โดยรวมแล้วทั้งอุตสาหกรรมต่างพยายามลดต้นทุนด้วยการเพิ่มขนาดไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขนาดของแต่ละไซต์งานหรือกระจายให้ได้ปริมาณมาก
AR : ในด้านที่คุณดูแลอยู่ การลดการใช้พลังงานเป็นแรงขับเคลื่อน ที่สำคัญอย่างไร
SK : อุตสาหกรรมนี้กำลังสร้างสิ่งดี ๆ มากมาย เทคนิคจากด้าน ไอทีและเครื่องกลได้ช่วยลดความสิ้นเปลืองที่เป็นส่วนเกิน ออกไปในหลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้เรากำลังมุ่งเน้นไปที่ การจัดการระบบจำหน่ายพลังงานและระบบอัตโนมัติของ กระบวนการ โดยรวมแล้ว ระดับประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมนี้ ถูกจัดให้อยู่ในระดับยอดเยี่ยมทีเดียวครับ ผมคิดว่าเมื่อเรา ก้าวเข้าไปสู่ทศวรรษใหม่ เราจะยิ่งเห็นความพยายามในการ ทำให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมในอัตราที่เร็วกว่านี้ ขึ้นไปอีก จริงๆ แล้วเรากำลังเปลี่ยนผ่านจากทัศนคติแบบมุ่งเน้นผลตอบแทนที่คุ้มค่าไปสู่วัฒนธรรมการมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นทีละน้อยและการใช้หลักการ Six-Sigma เพื่อกำจัดความสิ้นเปลือง
AR : คุณเชื่อหรือเปล่ากับเสียงวิจารณ์ของศูนย์ข้อมูลดิจิทัลว่า เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ไฟไม่มีประสิทธิภาพ
SK : ผมคิดว่าผู้ที่วิจารณ์ทั้งหลายควรมีโอกาสพบเจองานวิจัยใหม่ๆ บทความล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ซึ่งกล่าวถึง งานวิจัยที่มหาวิทยาลัย Northwestern ห้องปฏิบัติการ แห่งชาติที่ Lawrence Berkeley และบริษัทวิจัยอิสระ และได้รับทุนจากกรมพลังงานของอเมริกา ยืนยันว่าพวกเราในอุตสาหกรรมนี้ มีการใช้พลังงานไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลดิจิทัลทั้งโลกรวมกันมีขนาด 1-2% ของความต้องการการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในโลก
ผมคิดว่านี่คือการคำนวณที่แม่นยำที่สุดที่เรามี ซึ่งบทความนี้ได้หักล้างกับความเชื่อของกลุ่มบุคคลที่คาดว่าความต้องการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลดิจิทัลจะเพิ่มแบบก้าวกระโดดและเราเองก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้ เพื่อให้เห็นภาพว่าการประมวลผลข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพียงใด ผมขอเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมการบินที่สามารถทำประสิทธิภาพได้ในระดับเดียวกันนี้ เครื่องโบอิ้ง 747 จะสามารถบินจากนิวยอร์กไปลอนดอนโดยใช้น้ำมันเพียง 2.8 ลิตร ในเวลา 8 นาที และนั่นหมายถึงความเป็นไปได้เสมอของการเพิ่มประสิทธิการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลดิจิทัล
AR : ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอุตสาหกรรมนี้อาจจะน่าประทับใจ แต่ก็ยังนับว่ามันเป็นพลังงานปริมาณมหาศาล อยู่ดี ผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลทำอย่างไรบ้างเพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ครับ
SK : อุตสาหกรรมนี้ไปไกลมากครับในเรื่องนี้ด้วยข้อตกลงการ ซื้อไฟ (power purchase agreements, PPAs) ในอเมริกาเหนือ ยุโรป และที่อื่นๆ ผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่กำลังร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับโรงไฟฟ้า จริง ๆแล้วผมเห็นโอกาสของศูนย์ข้อมูลที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าให้มากกว่าที่เป็นอยู่เช่น เราเริ่มเข้ามาจับด้านแหล่งเก็บพลังงานขนาดใหญ่และกำลังพัฒนาระบบที่ปรับปรุงและเสริมสมรรถนะประสิทธิภาพของระบบดังกล่าว เพราะนี่ อาจจะเป็นเรื่องเดียวในบรรดาพลังงานสะอาดทั้งหลาย ที่มีศักยภาพที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง
ถ้าอุตสาหกรรมเราจัดการเรื่องแหล่งเก็บพลังงานขนาดใหญ่ได้สำเร็จการใช้งานพลังงานทางเลือกก็จะทะยานขึ้นได้ ABB เริ่มขายระบบแบตเตอรีเก็บพลังงานแล้ว ในเรื่องนี้สิ่งสำคัญในมุมมองของพวกเราคือซอฟต์แวร์และระบบ ควบคุมเรากำลังส่งมอบหน่วยเก็บพลังงานแบบแบตเตอรีอัจฉริยะ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับโรงงานพลังงานทางเลือก แบบต่าง ๆ ที่มีอยู่
AR : เทคโนโลยีแบบไหนของ ABB ที่สำคัญในแง่ของการทำให้ศูนย์ข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด
CF : ABB อยู่ในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลดิจิทัลมานานพอๆกันกับตอนเริ่มต้นของอุตสาหกรรมนี้คือประมาณ 25 ปีมาแล้ว เราเน้นที่ 2 ด้านหลักๆ ด้วยกันคือ การผลิตไฟให้กับศูนย์ข้อมูล และระบบอัตโนมัติและระบบควบคุมของศูนย์ข้อมูล เราเชื่อว่าในทั้ง 2 ด้านนี้มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยก้าวล้ำ และช่วยให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในการ จ่ายไฟผมจะยกตัวอย่างสัก 2-3 ประการให้ฟัง
อย่างแรกคือ ระบบสำรองไฟ (UPS) ของเรามีประสิทธิภาพอันดับต้นๆของวงการ เช่น ผลิตภัณฑ์ Megaflex UPS รุ่นใหม่ของเรามีประสิทธิภาพถึง 97.4% ในทุกสภาพการใช้งานเซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นอีกด้านหนึ่งที่สำคัญมันคอย ปกป้องอุปกรณ์และผู้คนขณะเดียวกันมันเองก็ใช้พลังงาน เซอร์กิตเบรกเกอร์ของเราจัดเป็นอันดับต้นๆ ของผลิตภัณฑ์ ประเภทนี้ในแง่ของประสิทธิภาพการใช้ไฟของตัวอุปกรณ์เองยิ่งกว่านั้นการจัดการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลก็ถือว่าสุดยอดมากมันจะคอยแสดงข้อมูลและกราฟที่สำคัญให้แก่ลูกค้า เพื่อให้เข้าถึงสถานะของตัวอุปกรณ์ ความชาญฉลาดนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้ไฟที่ไหนและอย่างไร ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ยังรองรับด้วย ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สมบูรณ์แบบและแข็งแกร่งมากของ ABB จริง ๆแล้ว ABB เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดและ บริษัทที่ได้รับการเชื่อถือมากที่สุดในเรื่องความปลอดภัยของ ระบบควบคุมอุตสาหกรรมอีกด้วย
สุดท้ายแล้ว เรามีแพลตฟอร์มระบบควบคุมซึ่งจัดเป็นหู ตาและสมองของศูนย์ข้อมูลหลายแห่ง จริงๆ แล้วระบบอัตโนมัติของศูนย์ข้อมูล ABB Ability™ นั้นถูกออกแบบมาเพื่อ อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เรามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอื่นมายาวนาน กลยุทธ์ของเราคือการพัฒนาบริการสำหรับตลาดอุตสาหกรรมในวงกว้าง จากนั้นจึงนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นที่ต่างออกไปผลที่ได้คือ เรามีระบบควบคุมที่เอาเข้าจริงแล้วเป็นระบบเดียวกันทั้งกับศูนย์ข้อมูลดิจิทัลโรงงานนิวเคลียร์หรืออาคารสำนักงานสูงระฟ้า ระบบเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงมากในการรวบรวมข้อมูล
ดังนั้นจึงช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจด้านเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ระบบนี้ติดตั้งอยู่ด้านนอกระบบโครงสร้างไฟฟ้าพื้นฐานและคอยดูแลทุกอย่างตั้งแต่การหล่อเย็นไปจนถึงการจัดการไฟฟ้าและด้านความปลอดภัย ปัจจัยหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับความสำเร็จของแพลตฟอร์มควบคุมคือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับและนั่นหมายความว่า อุปกรณ์อย่างเซอร์กิตเบรกเกอร์และหม้อแปลง จะต้องชาญฉลาดพอควรด้วยเหตุนี้ เมื่อเราพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใหม่ ๆเราพยายามให้มีการเชื่อมต่อความชาญฉลาดและการเข้าถึงข้อมูลได้ในตัว เพื่อที่ว่าองค์ประกอบเหล่านี้จะสามารถเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นกับระบบควบคุม
AR : ในทางปฏิบัติแล้ว ABB ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของลูกค้ารายใหญ่อย่างไรบ้างครับ
CF : ABB มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลดิจิทัลของเราได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพตัวอย่างเช่น ที่ศูนย์ข้อมูล GIGA เมืองมัวรส์วิลล์ รัฐนอร์ธแคโรไลนา (อเมริกา) ABB ช่วยให้ GIGA เพิ่มฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุดในขณะเดียวกันยังคงมีอัตราประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Power Usage Effectiveness (PUE) ที่ต่ำอย่างมากโดย GIGA สามารถกดค่า PUE เหลือเพียง 1.15 ต่อแผง วางเซิร์ฟเวอร์ขนาด 50 กิโลวัตต์ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมที่ 1.67 ในปี 2019
ตัวอย่างที่เยี่ยมยอดอีกตัวอย่างหนึ่งได้แก่บริษัท NextDC ที่บริสเบน ออสเตรเลีย ABB ได้จับมือกับ NextDC เพื่อใช้โครงสร้างไฟฟ้าพื้นฐานและเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติของ NextDC เพื่อช่วยให้ NextDC สามารถเฝ้าติดตามสถานะและปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐานหลักของศูนย์ข้อมูลของบริษัท โดยเราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ครบวงจรซึ่งรวมทั้งระบบจ่ายไฟเต็มรูปแบบ ระบบเฝ้าระวังปฏิบัติการหลัก Critical Services Monitoring System (CSMS) รวมถึงบริการสนับสนุนและปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง CSMS ช่วยให้ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา และที่ใกล้กับ กรุงสต็อคโฮล์ม ประเทศสวีเดน
บริษัท Ericsson หนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ร่วมมือกับ ABB ในการจัดการศูนย์เทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศของโลก Information and Communication Technology (ICT) ซึ่งมีอาณาบริเวณกว่า 20,000 ตารางเมตร ด้วยระบบอัตโนมัติสำหรับศูนย์ข้อมูล ABB Ability™ ทำให้การควบคุมระบบหลักทั้ง 3 ของศูนย์ ระบบจัดการอาคาร (BMS) , ระบบจัดการการจ่ายไฟ (PMS) , ระบบ จัดการพลังงาน (EMS) สามารถทำได้ที่ห้องควบคุมจุดเดียวส่งผลให้ศูนย์ฯสามารถประหยัดพลังงานได้และลดค่าใช้จ่ายรวมถึงภาระงานได้ ในเวลาเดียวกันยิ่งไปกว่านั้นศูนย์ยังให้บริการทำความร้อนและปรับอากาศ ให้กับอาณาบริเวณโดยรอบโดยผ่านระบบทำความร้อนของ กรุงสต็อคโฮล์ม
AR : คุณคาดหวังว่าอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลจะพัฒนาไปในทิศทางใดเป็นหลัก ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าครับ
CF : อย่างที่เรากำลังรับรู้อยู่ก็คือความพยายามที่จะกำจัดความสิ้นเปลืองพลังงานทั้งหลายทีละน้อย ๆแน่นอนว่าผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลจะตระหนักมากขึ้นถึงค่าใช้จ่ายของการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองและยิ่งแนวโน้มนี้ขยายตัวมากขึ้นเท่าใด ศูนย์ข้อมูลก็จะยิ่งมุ่งเน้นมากขึ้นว่าพวกเขาจะใช้พลังงานจากแหล่งใด โดยจะเน้นเป็นพิเศษกับพลังงานสะอาด นอกจากนั้นผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลจะทำงานร่วมกันกับบริษัทผู้ผลิตไฟมากขึ้น ซึ่งตรงนี้แหละที่เราเข้าไปมีส่วนในรูปแบบธุรกิจแบบใหม่ ผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลจะยิ่งมุ่งเน้น มากขึ้นว่าพวกเขาจะใช้พลังงานจากแหล่งใด โดยจะเน้นเป็นพิเศษกับพลังงานสะอาด เช่นการใช้แหล่งกักเก็บพลังงานร่วมกันหรือกลยุทธ์การจัดสรรการจ่ายไฟร่วมกันของหลายหน่วยงาน โดยสรุปแล้วการทำงานร่วมกันของภาครัฐและผู้บริโภครวมถึงการไฟฟ้าจะมี ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อความต้องการใช้ไฟเพิ่มขึ้น ถ้าถามถึงบทบาทของเราในทั้งหมดนี้ หัวใจสำคัญของ ABB ก็คือเราเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง สิ่งที่ ขับเคลื่อนเราก็คือความต้องการของลูกค้า