สำหรับการป้องกันกระแสโหลดเกิน อุณหภูมิของแถบโลหะคู่ที่มีกระแสไหลผ่านที่เรียกว่า Bi-metal (พื้นที่สีเหลือง) จะเป็นตัวกำหนดการทำงาน หากกระแสไฟสูงถึงระดับที่ระบุไว้บนตัวเซอร์กิตเบรกเกอร์ (ซึ่งก็คือกระแสที่เซอร์กิตเบรกเกอร์ได้รับการออกแบบมาให้ทำงาน) หรือสูงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แถบโลหะคู่จะเกิดความร้อนสูงขึ้นถึงในระดับที่จะทำให้กลไกสวิตช์ตัดการทำงานทันที
การป้องกันการลัดวงจรอยู่ในขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า (พื้นที่สีเขียว) ในกรณีที่ไฟฟ้าลัดวงจร กระแสไฟจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และขดลวดจะสร้างสนามแม่เหล็ก ซึ่งการตัดการทำงานทั้งสองแบบจะกระตุ้นให้กลไกสวิตช์ทำงาน และเปิดหน้าสัมผัสผ่านกลไกปลดวงจรการทำงาน การปลดวงจรและการเปิดหน้าสัมผัสอย่างรวดเร็วในกรณีที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะช่วยจำกัดกระแสไฟฟ้าของการลัดวงจรให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันก็จะช่วยควบคุม 'ความเค้น' ของสายไฟให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในทั้งสองกรณี (ไฟฟ้าลัดวงจร และกระแสโหลดเกิน) กระบวนการปลดวงจรจะส่งผลให้เกิดประกายไฟฟ้าระหว่างหน้าสัมผัสของเซอร์กิตเบรกเกอร์ในขณะที่พยายามแยกวงจรทั้งสองออกจากกัน ในการดับการอาร์คซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงมากกว่าหลายพันองศาเซลเซียส จะต้องนำอาร์คออกจากหน้าสัมผัส (บริเวณเหนือร่องที่เกิดการอาร์ค) และผ่านแผ่นเพลทไปยังห้องแยกการอาร์ค (พื้นที่สีน้ำเงิน) ซึ่งการอาร์คที่มีพลังงานก่อนหน้านี้ จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นการอาร์คเล็กๆ หลายอาร์คจนกว่าแรงดันไฟฟ้าที่เป็นตัวกระตุ้นจะไม่มีพลังงานเพียงพอและดับลงไป